รวมหลุด Galaxy S5: หลุดไฟล์แอพสแกนลายนิ้วมือ, ไฟล์แอพปริศนา และไฟล์ภาพถ่าย


Samsung Galaxy
ทวิตเตอร์ @evleaks ทวีตข่าวหลุดชุดล่าสุดของ Galaxy S5 โดยทวีตตัวแรกเผยถึงตัวภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนซัมซุงรหัส SM-G900V (หรือที่ @evleaks ระบุว่ามันคือ Galaxy S5 ที่วางจำหน่ายในเครือข่าย Verizon Wireless) ยืนยันว่ามีกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซลอย่างแน่นอน (ปัจจุบันภาพต้นฉบับโดนลบไปแล้ว) - @evleaks
ทวีตต่อมาเป็นภาพหลุดตัวไฟล์แอพที่มีชื่อไฟล์ว่า "FingerprintService.apk" โดย @evleaks ระบุว่าไฟล์นี้มาจาก Galaxy S5 ซึ่งถ้าไฟล์หลุดดังกล่าวเป็นของจริงก็จะตรงตามข่าวลือก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า Galaxy S5 จะมีที่สแกนลายนิ้วมือ
ทวีตถัดมาเป็นภาพหลุดตัวไฟล์แอพปริศนาที่มีชื่อไฟล์ว่า "3DTourViewer.apk" ซึ่งยังไม่มั่นใจว่าไฟล์แอพนี้มันเกี่ยวข้องกับอะไรกันแน่ ส่วนทวีตตัวสุดท้ายในชุดนี้เป็นทวีตที่ย้ำอีกรอบว่าซัมซุงจะใช้ชื่อทางการตลาดของสมาร์ทโฟนเรือธงตัวถัดไปของบริษัทว่า Galaxy S5 จริง ๆ ครับ
ต้องติดตามต่อไปว่า จะมีรายละเอียดอื่น ๆ หลุดออกมาอีกหรือไม่
ที่มา: TechnoBuffalo และ blognone

Facebook เปิดตัว Bolts ชุดเครื่องมือเสริมสำหรับช่วยพัฒนาแอพมือถือ


หลังจาก Facebook ซื้อบริษัททำเครื่องมือพัฒนาแอพ Parse เมื่อปีที่แล้ว ถึงแม้ Parse จะยังให้บริการงานด้าน backend ให้แอพมือถือได้ดังเดิม แต่ทีมงานของ Parse ก็พบว่าตัวเองและทีมหลักของ Facebook ต่างก็พัฒนาชุดเครื่องมือเสริม (low-level utility) สำหรับอำนวยความสะดวกต่อการพัฒนาแอพที่ซ้ำซ้อนกันหลายอย่าง
Parse กับ Facebook จึงรวมชุดเครื่องมือย่อยๆ เหล่านี้กันเป็นโครงการเดียวในชื่อ Bolts และเปิดซอร์สบน GitHub ให้นักพัฒนาใดๆ ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรี โดยไม่จำเป็นต้องผูกกับบริการออนไลน์ใดๆ ของทั้ง Parse/Facebook แม้แต่น้อย
เครื่องมือตัวแรกที่ปล่อยออกมาในชุด Bolts Framework มีชื่อว่า tasks หน้าที่ของมันคือช่วยจัดการ asynchronous code ภายในแอพ ตอนนี้มีทั้งเวอร์ชัน iOS และ Android ให้ดาวน์โหลดไปใช้งาน ตัวอย่างโค้ดดูกันเองตามลิงก์ที่มา
ที่มา - Facebook Developers Blog และ blognone

กูเกิลไตรมาสล่าสุดยังคงเติบโตทำสถิติใหม่


Google
กูเกิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2013 มีรายได้รวม 16,858 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2012 กำไรสุทธิอยู่ที่ 3,376 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Larry Page กล่าวว่าถือเป็นการสิ้นสุดปีการเงินแบบเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะส่วนธุรกิจของกูเกิลเองก็มีรายได้เพิ่มถึง 22% เป็น 15,707 ล้านดอลลาร์ โดยปีที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาและขยายธุรกิจต่อเนื่องตามเป้าหมาย และยังได้ปรับปรุงวิถีชีวิตผู้คนรวมถึงสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้งาน
รายได้หลักของกูเกิลยังคงเป็นโฆษณา โดยมีรายได้ส่วนโฆษณาเพิ่มขึ้น 31% ขณะที่ราคาต่อคลิกยังคงลดลงอีก 11% ส่วนธุรกิจโมโตโรลามีรายได้ลดลงเป็น 1,151 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 7% ของรายได้รวมกูเกิล และยังขาดทุนจากการดำเนินงาน 384 ล้านดอลลาร์
สำหรับเนื้อหาจากช่วงแถลงผลประกอบการต่อนักวิเคราะห์โดยมี ซีเอฟโอ Patrick Pichette และซีบีโอ Nikesh Arora เป็นผู้แถลงมีส่วนสำคัญดังนี้ (ซีอีโอ Larry Page ไม่มาร่วมตามที่เคยแจ้งไว้ในไตรมาสที่แล้ว)
  • กูเกิลมีเงินสดและรายการเทียบเท่า 58,717 ล้านดอลลาร์
  • มีพนักงานเต็มเวลา 47,756 คน โดยเป็นพนักงานโมโตโรลา 3,894 คน
  • การซื้อ Nest จะทำให้ทีมงานเข้าถึงข้อมูลกูเกิล และช่วยให้สินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ดีขึ้น
  • Larry Page ยังคงติดตามความคืบหน้าโครงการ Google Wallet อยู่
  • มองดีลโมโตโรลาว่าเป็นการได้ประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย
  • การซื้อ Waze ทำให้กูเกิลพัฒนารูปแบบการโฆษณาแบบใหม่ใน Maps ของท้องถิ่น
  • Neilsen เข้ามาร่วมทำระบบวัดผลโฆษณาใน YouTube ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้น
ที่มา: กูเกิล , Business Insider และ blognone

ซัมซุงเปิดตัว Galaxy Grand Neo แบบเงียบๆ


ซัมซุงแอบขึ้นข้อมูล Galaxy Grand Neo (รหัส GT-I9060) บนเว็บไซต์ของบริษัทแบบเงียบๆ โดยเว็บไซต์ Phone Arena ประเมินว่า Galaxy Grand Neo จะอยู่กึ่งกลางระหว่าง Galaxy Grand 2 และ Galaxy Grand ส่วนสเปครุ่นล่าสุดเป็นดังนี้
  • หน้าจอ 5.01 นิ้วแบบ TFT ที่ความละเอียดระดับ WVGA (480x800 พิกเซล)
  • ซีพียูควอดคอร์ 1.2 กิกะเฮิรตซ์ (ไม่ระบุรุ่น)
  • แรม 1 กิกะไบต์ หน่วยความจำภายใน 16 กิกะไบต์ รองรับ microSD
  • กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED ส่วนกล้องหน้า VGA
  • รองรับ 2 ซิมการ์ด รองรับ HSPA+ ที่ 21 เมกะบิตต่อวินาที (900/2100 เมกะเฮิรตซ์), Wi-Fi 802.11 b/g/n และ Bluetooth 4.0
  • แบตเตอรี่ 2,100 มิลลิแอมป์
  • ตัวเครื่องหนา 9.6 มม. น้ำหนักรวมแบตเตอรี่ 163 กรัม
  • มีสีให้เลือก 4 สี คือ ขาว ดำ ส้ม และเขียวมะกรูด
  • ไม่ระบุเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ Android
  • มีฟีเจอร์ Multi Window
บริษัทยังไม่ระบุราคาและวันวางจำหน่ายแต่อย่างไร
ที่มา: ซัมซุง ผ่าน Phone Arena และ blognone

ซัมซุงเปิดตัว Galaxy Note 3 Neo แบบเงียบๆ


นอกจากการเปิตตัว Galaxy Grand Neo แบบเงียบๆ เว็บไซต์ซัมซุงประเทศโปแลนด์ขึ้นข้อมูล Galaxy Note 3 Neo ที่มีข่าวลือไปก่อนหน้านี้ Galaxy Note 3 Neo มีฝาหลังลายหนัง มีปากกา S Pen มีสองรุ่นด้วยกัน คือ 3G และ LTE+ ส่วนสเปคเป็นดังนี้
  • หน้าจอ 5.5 นิ้ว Super AMOLED ที่ความละเอียด 720p
  • ซีพียูหกคอร์ ประกอบด้วย A15 สองคอร์ที่ 1.7 กิกะเฮิรตซ์ และ A7 สี่คอร์ที่ 1.3 กิกะเฮิรตซ์ ในรุ่น LTE+ (ไม่ระบุรุ่น) หรือซีพียูสี่คอร์ที่ 1.6 กิกะเฮิรตซ์ สำหรับรุ่น 3G (ไม่ระบุรุ่นเช่นกัน)
  • แรม 2 กิกะไบต์ หน่วยความจำภายใน 16 กิกะไบต์ รองรับ microSD
  • กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล พร้อม zero shutter lag และไฟแฟลช LED ส่วนกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล ทั้งสองกล้องมี BSI และระบบป้องกันภาพสั่นไหว
  • รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.0 LE, NFC และ IR LED
  • แบตเตอรี่ 3,100 มิลลิแอมป์-ชั่วโมง
  • ตัวเครื่องหนา 8.6 มม. น้ำหนัก 162.5 กรัม
  • มีสามสีให้เลือก คือ ดำ ขาว และเขียว
  • Android 4.3 (Jelly Bean)
ซัมซุงประเทศโปแลนด์ระบุว่าบริษัทจะเปิดตัวรุ่นดังกล่าวทั่วโลกในเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่ไม่ได้ระบุราคาจำหน่ายแต่อย่างไร

ไม่ต้องเสียใจ โครงการล้ำหน้าอย่างโทรศัพท์ปรับสเปคเองได้ของ Motorola อยู่กับ Google ต่อไป


Google
ถึงแม้กูเกิลจะขายกิจการโมโตโรลาให้เลอโนโว นอกจากที่กูเกิลจะยังคงความเป็นเจ้าของสิทธิบัตรส่วนใหญ่ของโมโตโรลาแล้ว เว็บไซต์ Engadget รายงานว่า แผนก Advanced Technology and Projects ก็ยังคงอยู่กับกูเกิลต่อไป โดยจะถูกยุบรวมเข้ากับทีมพัฒนา Android แทน
แผนกดังกล่าวรับผิดชอบหลากหลายโครงการ ทั้งการพัฒนาระบบตรวจสอบและจำแนกบุคคลโดยใช้รอยสักดิจิทัลหรือเม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์ที่โมโตโรลาโชว์ในงาน D11 ปีที่ผ่านมา หรือโครงการ Ara โทรศัพท์ปรับสเปคเองได้ ก็ต้องตามกันต่อว่ากูเกิลจะผลักดันโครงการ Ara หรืองานในโครงการดังกล่าวให้ออกสู่ตลาดหรือไม่ครับ
ที่มา: Engadget และ blognone

[ลือ] Xbox One สีขาว และรุ่นไม่มีไดร์ฟอ่านแผ่นเตรียมขายปลายปีนี้


Xbox One
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อครั้ง Xbox One เปิดตัวนั้น ไมโครซอฟท์ได้แจกเครื่องสีขาวให้กับพนักงานด้วย ล่าสุดมีข่าวว่าไมโครซอฟท์เตรียมวางขายรุ่นสีขาวจริงๆ ในช่วงปลายปีนี้แล้ว
ต้นทางของข้อมูลชุดนี้มาจากคอมมิวนิตี้เกม NeoGAF ที่นอกจากจะบอกว่าไมโครซอฟท์จะวางขาย Xbox One สีขาวแล้ว ยังจะมี Xbox One อีกโมเดลแบบที่ไม่มีไดร์ฟอ่านแผ่น แต่เพิ่มความจุฮาร์ดดิสก์สูงขึ้นเป็น 1TB แทน ตามกำหนดการแล้วสีขาวจะเริ่มขายเดือนตุลาคม ส่วนรุ่นไม่มีไดร์ฟอ่านแผ่นจะตามมาในเดือนพฤศจิกายน
นอกเหนือจากตัวเครื่องแล้ว ยังมีรายงานว่าในเดือนมีนาคมนี้ ไมโครซอฟท์จะปล่อยอัพเดตของ Xbox One ออกมา โดยเน้นไปที่การปรับปรุงบริการ Xbox Live เป็นหลักครับ
ที่มา - VG24/7 และ blognone

PlayStation Now เริ่มทดสอบรุ่นเบต้าแล้ว, PS4 อาจเล่นเกม PS1 และ PS2 ได้ด้วย


PlayStation
ควบสองข่าวของ PlayStation ที่ออกมาไล่เลี่ยกัน เรื่องแรก PlayStation Now บริการสตรีมเกมของ Sony เริ่มส่งคำเชิญให้ผู้ใช้บางส่วนเริ่มทดสอบบริการในรุ่นเบต้าแล้ว โดยยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้ในสหรัฐฯและอยู่ในเมืองลอสแอนเจลิส และวอชิงตัน ดี ซี เท่านั้น (ใครอยู่แถวนั้นลองไปสมัครได้ที่นี่)
อีกข่าวเป็นประเด็นฟีเจอร์ลับใน PS4 ที่ Eurogamer ไปได้ข้อมูลมาว่าเจ้าเครื่องเกมรุ่นนี้ แม้ว่า Sony จะบอกไปแล้วว่าไม่สามารถเล่นเกมของ PS3 ได้โดยตรง (ต้องผ่าน PlayStation Now แทน) แต่สามารถใช้เล่นเกม PS1 และ PS2 ได้ผ่านอีมูเตอร์อย่างที่ทำกับ PS3 และ PS Vita ได้เช่นกัน
แค่เล่นได้คงยังไม่พอ เพราะแหล่งข่าวยังระบุว่า การเล่นเกมเก่าบน PS4 จะไม่ใช่แค่การอัพความละเอียดขึ้นไป แต่จะรันความละเอียดสูงแบบ native ได้อีกด้วย
ที่มา - Tech RadarEngadget และ blognone

สเปคเต็มๆ ของ Geeksphone Revolution สมาร์ทโฟน Android/Firefox OS


Geeksphone เคยออกมาให้ข่าวว่ากำลังทำสมาร์ทโฟนชื่อรุ่นว่า Revolution ที่สามารถรันได้ทั้ง Firefox OS และ Android สร้างความสนใจให้กับโลกออนไลน์ได้พอสมควร หลังจากมีสเปคหลุดตามหลังมาในช่วงปลายปี วันนี้มีรายละเอียดทั้งหมด (ยกเว้นราคา) ออกมาแล้วครับ
ก่อนจะไปพูดถึงสเปค มาพูดถึงซอฟต์แวร์กันก่อน ตัว Revolution โดยพื้นฐานแล้วจะรัน Android (ไม่ระบุรุ่น) และมีตัวเลือกสำหรับเปลี่ยนไปรัน Firefox OS ได้ในคลิกเดียว (แต่ Geeksphone จะเรียกว่า Boot2Gecko เพื่อเลี่ยงการละเมิดเครื่องหมายการค้าของ Mozilla) โดยนอกจาก Firefox OS แล้ว Revolution ยังรองรับการรันระบบปฏิบัติการอื่นๆ อีก ขึ้นอยู่กับว่าจะมีนักพัฒนาสนใจทำหรือไม่
ทางฝั่งสเปคก็ออกมาครบถ้วนแล้วเช่นกัน ดังนี้ครับ
  • ใช้ซีพียู Atom Z2560 ดูอัลคอร์ความถี่ 1.6GHz
  • หน้าจอ IPS ขนาด 4.7" ความละเอียด 960x540 พิกเซล
  • หน่วยความจำภายใน 4GB แรม 1GB
  • กล้องหลัง 8 เมกะพิกเซล กล้องหน้า 2 เมกะพิกเซล
  • แบตเตอรี่จุ 2,000 mAh
Geeksphone Revolution จะเริ่มขายในยุโรป (แบบไม่ผ่านโอเปอเรเตอร์) ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ราคายังไม่ประกาศออกมาแต่คงไม่สูงมากครับ
ที่มา - Android Authority และ blognone

เผยโฉมส่วนติดต่อผู้ใช้ iOS in the Car บน iOS 7.0 และ iOS 7.1


iOS 7
แอปเปิลพูดถึง iOS in the Car หรือระบบสั่งงาน และส่วนติดต่อผู้ใช้สำหรับใช้งาน iOS ร่วมกับหน้าจอบนรถยนต์มาตั้งแต่งาน WWDC เมื่อกลางปี 2013 แต่หลังจากโชว์ภาพแรกบนเวทีไป ก็ไม่มีข่าวคราวของ iOS in the Car ออกมาอีกเลย (บอกเพียงแต่ว่ายังทำอยู่)
ผ่านไปครึ่งปีกว่าๆ ก็มีข่าวคราวของ iOS in the Car ออกมาแล้ว โดยมาจากนักพัฒนาภายนอกที่รัน iOS in the Car มาให้ดู โดยชุดแรกเป็นตัวที่รันอยู่บน iOS 7.0.3
ส่วนติดต่อผู้ใช้ของ iOS in the Car บน iOS 7.0.3 นั้นมีส่วนหลักๆ อยู่ที่ขอบล่างสำหรับวางปุ่มโฮม ข้างกันมีปุ่มควบคุม และส่วนแสดงผลแบตเตอรี่, Wi-Fi ส่วนหน้าจอที่เหลือมีไว้สำหรับแสดงผลแอพโดยเฉพาะ ซึ่งในที่นี้ก็มีเพียงแผนที่เท่านั้น
รายละเอียดอื่นนอกเหนือจากส่วนติดต่อผู้ใช้มีดังนี้ครับ
  • รองรับหน้าจอหลายความละเอียด (ที่ทดสอบให้ดูคือ 800x480 พิกเซล)
  • รองรับหน้าจอสัมผัส ปุ่มกด ลูกกลิ้ง และทัชแพด
  • ไม่รองรับมัลติทาสก์
  • หน้าจอของ iOS in the Car จะแสดงผลแอพเดียวกับที่อยู่บน iPhone เสมอ ไม่ว่าตัวเครื่องจะล็อกหรือเปิดหน้าจอปกติ
  • ในช่วงแรกน่าจะใช้ได้เฉพาะกับแอพของแอปเปิลเท่านั้น
  • ไม่มีคีย์บอร์ดในตัว

หลังจากวิดีโอตัวแรกออกมาได้ไม่นาน ก็มีนักพัฒนาอีกรายออกมาเผยส่วนติดต่อผู้ใช้รุ่นใหม่กว่าของ iOS in the Car บน iOS 7.1 beta 2 ซึ่งย้ายแถบเมนูหลักจากด้านล่างไปอยู่ด้านซ้ายแทน รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงส่วนอื่นๆ ค่อนข้างมากอีกด้วย
ดูจากความแตกต่างของทั้งสองรุ่นนี้แล้ว iOS in the Car ตอนนี้น่าจะยังไม่นิ่งมากๆ คงมีการเปลี่ยนแปลงอีกเยอะกว่าจะเปิดให้ใช้งานจริงครับ

สำหรับใครที่มี Mac และอยากทดลองบ้าง ลองอ่านวิธีทำได้จากบล็อกของ Dennis Stas นักพัฒนาคนที่ปล่อยวิดีโอของ iOS 7.1 beta 2 ดูครับ
ที่มา - The Verge และ blognone

หูฟังอัจฉริยะ Jarvis ของอินเทล ประมวลผลเสียงได้ในตัวไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ต


Intel
เมื่องาน CES 2014 ที่เพิ่งจบไปไม่นาน อินเทลได้โชว์อุปกรณ์ใหม่อย่างหูฟัง Jarvis ที่สามารถใช้ค้นหา และถามคำถามได้ราวกับ Siri ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เป็นอุปกรณ์ที่ถูกทำให้ฉลาดขึ้น ซึ่งภายในเวทียังไม่มีข้อมูลของอินเทลออกมามากนักว่า Jarvis นั้นทำงานอย่างไร
ตอนนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมของ Jarvis ออกมาเพิ่มเติมแล้ว โดยอินเทลระบุว่าหูฟัง Jarvis สามารถประมวลผลเสียงได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยจะประมวลผลเสียงของผู้ใช้ในตัวด้วยการทำงานร่วมกับของตัวชิปประมวลผล และซอฟต์แวร์ ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากบริษัทภายนอกอีกที (อินเทลไม่ได้บอกว่าเป็นรายไหน แต่คาดว่าเป็น Nuance ที่เพิ่งจับมือกันไปได้ไม่นาน)
การที่ Jarvis สามารถประมวลผลเสียงของผู้ใช้ได้ในตัวโดยที่ไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ต ทำให้มันทำงานได้เร็วกว่าระบบอื่นที่ต้องต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ไปจนถึงสามารถสั่งงานในตัวเครื่องได้สะดวกขึ้น เช่นการเปิดแอพ หรือปิดเสียงตัวเครื่อง เป็นต้น
นอกเหนือจากการใช้ระบบประมวลผลเสียงไร้อินเทอร์เน็ตบน Jarvis แล้ว อินเทลบอกว่าจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับสมาร์ทโฟนด้วย และมีผู้ผลิตให้ความสนใจแล้ว แต่ไม่ได้ระบุชื่อมาครับ
ที่มา - Quartz และ blognone

กูเกิลเผยสถานที่ยอดนิยมใน Street View ของทวีปเอเชีย - วัดอรุณฯ คว้าแชมป์ของไทย


Google Street View
กูเกิลเปิดเผยสถานที่ยอดนิยมในบริการ Street View ของ Google Maps ซึ่งตอนนี้มีข้อมูลภาพสถานที่ของหลายประเทศในทวีปเอเชียมากขึ้น โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีคนเข้าไปดูภาพมากที่สุดในทวีปเอเชีย โดยสถานที่ยอดนิยมของทั้งทวีปเอเชียนั้นมีภูเขาไฟฟูจิครองอันดับ 1 และตามด้วยเกาะฮาชิมะในอันดับที่ 2
กูเกิลยังเปิดเผยอันดับสถานที่ยอดนิยมแยกรายประเทศญี่ปุ่น, ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และไทย โดยส่วนของประเทศไทยนั้นวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1
อันดับของทวีปเอเชีย, ประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทยดูได้ในท้ายข่าว ส่วนประเทศอื่นดูได้จากที่มาครับ
สถานที่ยอดนิยมของทวีปเอเชีย
  1. ภูเขาไฟฟูจิ ญี่ปุ่น
  2. เกาะฮาชิมะ ญี่ปุ่น
  3. คลองโดทมโบะริ ญี่ปุ่น
  4. อนุสรณ์สันติภาพฮิโระชิมะ ญี่ปุ่น
  5. ปราสาทโอซะกะ ญี่ปุ่น
  6. อาคารโมะริทาวเวอร์ รปปงงิฮิลส์ ญี่ปุ่น
  7. หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่น ไต้หวัน
  8. มารีน่า เบย์ แซนด์ส สิงคโปร์
  9. หมู่บ้านยูฟูอิน ญี่ปุ่น
10 สถานที่ยอดนิยมของประเทศญี่ปุ่น
upic.me
  1. ภูเขาไฟฟูจิ
  2. เกาะฮาชิมะ
  3. ฟูราโนะ บิเอะ
  4. คลองโดทมโบะริ
  5. หมู่บ้านยูฟูอิน
  6. เซ็นได
  7. ท่าเรือโยะโกะฮะมะ
  8. สถานีรถไฟอุเมะดะ
  9. The Tokyo Station Hotel
  10. อนุสรณ์สันติภาพฮิโระชิมะ
10 สถานที่ยอดนิยมของประเทศไทย
  1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
  2. ท่าเรือแหลมบาลีฮาย
  3. วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร
  4. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
  5. หาดบางแสน
  6. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
  7. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
  8. โรสการ์เด้น สวนสามพราน
  9. วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร
  10. วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
ที่มา: Google Asia Pacific Blog และ blognone

Google Glass มีเกมแล้ว!


Google Glass
กูเกิลโชว์ตัวอย่างเกมแบบง่ายๆ (กูเกิลเรียก mini-game) บนแว่น Google Glass จำนวน 5 เกม เพื่อเป็นการสาธิตการสร้างแอพบน Glass โดยใช้แว่นร่วมกับเซ็นเซอร์ต่างๆ ของตัวเครื่อง
  • Balance เอียงหัวไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อไม่ให้ของตก
  • Tennis ใช้หัวแทนไม้แร็คเก็ต เหวี่ยงเพื่อตีลูกเทนนิส
  • Clay Shooter ยิงเป้า โดยสั่งงานด้วยเสียงเพื่อยิงเป้า
  • Matcher เกมจับคู่ อาศัยความจำ และสั่งงานด้วยการขยับหัว
  • Shape Splitter เกมฟันวัตถุลักษณะเดียวกับ Fruit Ninja แต่ใช้มือปัดหน้าแว่นแทน
เป้าหมายของกูเกิลคือแสดงให้นักพัฒนาเห็นศักยภาพของ Glass และเป็นแอพตัวอย่างสำหรับการพัฒนาเกมอื่นๆ ในอนาคต
แน่นอนว่าเวลาต้องการเล่นเกม ต้องใช้คำสั่ง OK Glass, play games
ที่มา - Google Glass DevelopersRe/code และ blognone

Apple จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับเลนส์กล้องและโมดูลกล้องของอุปกรณ์ที่ถอดเปลี่ยนได้


Apple
แอปเปิลเพิ่งได้รับการอนุมัติสิทธิบัตรสองใบที่แอปเปิลยื่นจดซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับกล้อง ดังนี้
  • Back panel for a portable electronic device with different camera lens optionsกล่าวถึงส่วนออปติคอลที่ถอดเปลี่ยนออกจากระบบย่อย (subsystem) ของการถ่ายภาพของอุปกรณ์นั้น (ภาพที่ 1) ในส่วนออปติคอลนั้น เว็บไซต์ Apple Insider มองว่าเป็นได้ทั้งเลนส์มุมกว้างธรรมดา ไปจนถึงเลนส์ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวและรองรับการซูมแบบออปติคอลได้
  • Magnetic add-on lenses with alignment ridge กล่าวถึงโมดูลกล้องที่ประกอบกับอุปกรณ์หลักด้วยแรงแม่เหล็กเพื่อเสริมความสามารถในการถ่ายภาพของอุปกรณ์หลักนั้น (ภาพที่ 2) สิทธิบัตรนี้กล่าวถึงแนวทางประกอบโมดูลกล้องเข้ากับอุปกรณ์หลักอยู่สองแนวทาง คือ จัดวางโมดูลกล้องเข้ากับรูรับแสง (aperture) คล้ายกับกล้อง DLSR สมัยใหม่ และ จัดวางโมดูลกล้องเข้ากับเลนส์กล้อง (camera optic) ในส่วนของเลนส์กล้อง (lens assembly) จะถูกหมุนบน voice coil motor (VCM) ซึ่งเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวด (coil) แรงแม่เหล็กจะเกิดขึ้นและสามารถหมุนเลนส์กล้องได้ (ภาพที่ 3) VCM สามารถถูกปรับใช้ได้หลายอย่าง อาทิ ระบบกป้องกันภาพสั่นไหว ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ และระบบซูมภาพ
อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้จาก Apple Insider ตามที่มาของข่าว
ที่มา: USPTO (12) ผ่าน Apple Insider และ blognone
ภาพที่ 1
ภาพที่ 2
ภาพที่ 3

[ข่าวลือ] แอปเปิลเตรียมยกระดับ Apple TV เป็นสินค้าตัวชูโรงแล้ว


Apple TV
ตลอดเวลาที่ผ่านมา Apple TV ดูเหมือนเป็นสินค้าที่แอปเปิลไม่ค่อยใส่ใจกับการทำการตลาดมากนัก ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลง เมื่อตัวสตีฟ จ็อบส์เองก็เคยออกมาบอกว่า แอปเปิลทำ Apple TV ออกมาในลักษณะ “งานอดิเรก” มากกว่า แต่วันนี้ 9to5Mac ออกมาบอกว่าแอปเปิลเตรียมยกระดับ Apple TV เป็นหนึ่งในสินค้า “ตระกูลใหญ่” แล้ว โดยการเพิ่มหน้าสินค้าบนเว็บให้มีระดับเทียบเท่า Mac, iPad, iPod และ iPhone
ทาง 9to5Mac เชื่อว่าแอปเปิลกำลังเตรียมปล่อย Apple TV รุ่นใหม่ออกมา ซึ่งจะเป็นแพลทฟอร์มใหม่ มี Applications เฉพาะเป็นของตัวเอง ในขณะเดียวกัน แอปเปิลอาจจะรวม AirPort Express กับ Apple TV เข้าด้วยกัน ทำให้ Apple TV กลายเป็น 802.11ac wireless router ไปในตัว ซึ่งจะเป็นการเสริมทัพให้กับ AirPlay ซึ่งแอปเปิลพยายามผลักดันมาโดยตลอด
ในส่วนของแหล่งข่าวอื่น ยังเชื่อว่า Apple TV จะเน้นการเล่นเกม ที่ต้องใช้อุปกรณ์ iOS อื่นมาเป็นตัวควบคุม และยังอาจจะมีคุณสมบัติ TV Tuner รวมเข้ามาอีกด้วย
ที่มา - 9to5Mac และ blognone

กูเกิลออกเครื่องมือแปลง Chrome Apps ไปเป็นแอพรันบน Android/iOS


Chrome
ต่อจากข่าว กูเกิลกำลังทำเครื่องมือพอร์ต Chrome Apps ไปยัง Android และ iOS วันนี้กูเกิลเปิดให้ทดสอบเครื่องมือที่ว่านี้ในเวอร์ชันพรีวิวแล้วครับ
เครื่องมือของกูเกิลพัฒนาต่อจาก Apache Cordova (ที่เรารู้จักกันในชื่อ PhoneGap) โดยเรียกมันว่า CCA (cordova chrome app) โดยต้องสั่งงานผ่านคอมมานด์ไลน์เพื่อแปลงเว็บแอพเป็นแอพสำหรับแจกจ่ายบน Google Play/App Store อีกทอดหนึ่ง (รายละเอียด)
เป้าหมายของกูเกิลคือการผลักดัน Chrome Apps (แอพแบบออฟไลน์ที่สร้างด้วย HTML5) ให้ทำงานได้เทียบเท่าแอพแบบเนทีฟ โดยกูเกิลกำลังเร่งเพิ่มฟีเจอร์ให้ Chrome API ให้เทียบเท่าฟีเจอร์ของแอพเนทีฟ เช่น push notification, payment, sync เป็นต้น
ที่มา - Chromium และ blognone
ภาพตัวอย่าง Chrome Apps บนเบราว์เซอร์ ที่ถูกแปลงเป็นแอพบน Android

Canonical รับ มือถือ Ubuntu อาจออกไม่ทันปี 2014


Ubuntu
ถึงแม้ Canonical เคยประกาศว่าหาผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ Ubuntu Phone ได้แล้วหนึ่งราย แต่ล่าสุด Jono Bacon ผู้จัดการชุมชนของ Ubuntu ก็ตอบคำถามใน Reddit และยอมรับว่าการที่จะได้เห็นมือถือ Ubuntu Phone ออกวางขายภายในปี 2014 เป็นเรื่องยากมาก
Jono Bacon บอกว่าหนทางเดียวที่เราจะได้เห็นมือถือ Ubuntu Phone ภายในปีนี้คือมาจากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายเล็กๆ เฉพาะกลุ่มหรือเฉพาะภูมิภาคเท่านั้น ส่วนผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายใหญ่หรือโอเปอเรเตอร์น่าจะตามมาในปี 2015
นอกจากนี้ Canonical ยังประกาศลดจำนวนอุปกรณ์สาย Nexus ที่สามารถรัน Ubuntu Touch ด้วยเหตุผลว่าต้องการทุ่มทรัพยากรไปกับคุณภาพของโค้ด โดยจะตัด Nexus 7 (2012), Nexus 10, Galaxy Nexus ออก เหลือเพียง Nexus 4 และ Nexus 7 (2013) เท่านั้นที่ยังอยู่ในแผนการ (บริษัทไม่มีแผนจะทำให้ใช้ได้กับ Nexus 5)
ที่มา - The RegisterOMG Ubuntu และ blognone

IDC เผยยอดส่งสมาร์ทโฟนปี 2013 ทะลุพันล้านเครื่อง, มากกว่าฟีเจอร์โฟนเป็นครั้งแรก


IDC
การเติบโตของยอดขายสมาร์ทโฟนในแต่ละปียังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายงานยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนประจำปี 2013 โดย IDC ระบุว่ายอดส่งมอบสมาร์ทโฟนในปีนี้ได้ทะลุ 1 พันล้านเครื่องเป็นที่่เรียบร้อยแล้ว เพิ่มจากปีก่อนหน้าที่ 725 ล้านเครื่องอยู่มาราว 38.4%
สำหรับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลกในปัจจุบันตกเป็นของซัมซุงที่นำมาด้วยจำนวนมากถึง 313.9 ล้านเครื่อง กินส่วนแบ่งไปมากถึง 31.3% ตามมาแบบห่างๆ โดยแอปเปิลที่ 153.4 ล้านเครื่อง (15.3%) ส่วนอันดับ 3-5 ตกเป็นของหัวเหว่ย แอลจี และเลอโนโว
นอกจากขยับไปแตะตัวเลขพันล้านได้แล้ว ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่สมาร์ทโฟนมียอดส่งมอบสูงกว่ามือถือธรรมดาอย่างเป็นทางการอีกด้วย (ฟีเจอร์โฟนมียอดส่งประมาณ 800 ล้านเครื่อง)
สำหรับเทรนด์ที่ทำให้สมาร์ทโฟนโตขึ้นมาในปีนี้ IDC ระบุว่าเป็นเพราะความนิยมของสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ ในราคาย่อมเยาที่หลายเจ้าปล่อยมาพร้อมๆ กันนั่นเอง
ที่มา - Businesswire และ blognone

Fujifilm เปิดตัว X-T1 กล้องย้อนยุครุ่นใหม่สไตล์ SLR


ยั่วแฟนๆ ด้วยข้อมูลกล้องย้อนยุคตัวใหม่ Fujifilm X-T1 ไปได้ไม่นาน ตอนนี้ก็ถึงคราวเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว
ดูจากทรงของ X-T1 แล้วแม้จะเป็นกล้องย้อนยุคเหมือนกับรุ่นอื่นในซีรีส์ X เหมือนกัน แต่จะออกไปทาง SLR มากกว่า Rangefinder ซึ่งแตกต่างกับรุ่นอื่นมาก จุดเด่นหลักๆ ของรุ่นนี้คือบอดี้ซีลกันน้ำกันฝุ่น และช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ที่เคลมว่ามี lag time เพียง 0.005 วินาทีเท่านั้น ส่วนสเปคอื่นๆ มีดังนี้
  • ใช้เซนเซอร์ X-Trans CMOS II ความละเอียด 16 เมกะพิกเซล และชิปประมวลผลภาพ EXR Pro II
  • ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ความละเอียด 2.36 เมกะพิกเซล กำลังขยาย 0.77 เท่า
  • จอภาพด้านหลังขนาด 3" ความละเอียด 1,040,000 พิกเซล บิดได้
  • รองรับ Wi-Fi ในตัว
  • ถ่ายภาพรัว 8 ภาพต่อวินาที ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 1080p 60 เฟรมต่อวินาที
  • เร่ง ISO ได้ที่ 200-6400 (มีตัวเลือกเพิ่มเป็น 100-25600)
  • น้ำหนักเบาเพียง 440 กรัม
Fujifilm X-T1 เปิดราคามาที่ 1,299.95 เหรียญสำหรับบอดี้อย่างเดียว (ประมาณ 42,750 บาท) และ 1,699.95 เหรียญเมื่อมาพร้อมกับเลนส์ Fujinon XF 18mm-55mm f/2.8-4 (ประมาณ 56,000 บาท) เริ่มขายเดือนกุมภาพันธ์ครับ
ที่มา - dpreview และ blognone
Fujifilm X-T1
ใส่คู่กับกริป


กลับลำ ซัมซุงเตรียมอัพเดต Note 3 ให้ใช้อุปกรณ์เสริมจากบริษัทอื่นได้เหมือนเดิม


Galaxy Note 3
หลังจากมีข่าว อัพเดต Android 4.4 ของ Galaxy Note 3 ไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์เสริมจากผู้ผลิตรายอื่นแล้ว ซัมซุงก็ออกมาแถลงว่าปัญหาเกิดจากความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ ระหว่างอัพเดต KitKat ของซัมซุงเองกับอุปกรณ์เสริม "บางราย"
ซัมซุงจะออกอัพเดตตามมาในเร็วๆ นี้เพื่อแก้ปัญหานี้ และยืนยันว่าบริษัทจะยึดนโยบายเปิดกว้างกับอุปกรณ์เสริมจากผู้ผลิตทุกราย
ที่มา - Ars Technica และ blognone

กูเกิลออกกรอบแว่นสำหรับ Google Glass ตั้งราคาอันละ 225 เหรียญ


Google Glass
ใครที่คิดว่าหน้าตาของ Google Glass นั้นเชยเกินไป ตอนนี้กูเกิลก็ออกกรอบแว่นสำหรับใช้งานร่วมกับ Google Glass มาแล้วทั้งหมดสี่ลาย ตามที่สัญญาไว้เมื่อปลายปี
แน่นอนว่ากรอบแว่นเองก็มีค่าตัวเช่นกัน กูเกิลตั้งราคาไว้ที่ 225 เหรียญต่อชิ้น แยกกับราคาของ Google Glass ที่ 1,500 อีกด้วย
The Verge ได้ไปลองใช้งานกรอบแว่นของกูเกิลมาบอกว่ากรอบแว่นตัวนี้ถูกแบบโดยทีมงานของกูเกิลเอง คุณภาพดีเกินคาด แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่บริเวณด้านขวาที่ทำให้ใส่ไม่ถนัดอยู่ดี
ที่มา - The Verge และ blognone