กูเกิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2013 มีรายได้รวม 16,858 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2012 กำไรสุทธิอยู่ที่ 3,376 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Larry Page กล่าวว่าถือเป็นการสิ้นสุดปีการเงินแบบเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะส่วนธุรกิจของกูเกิลเองก็มีรายได้เพิ่มถึง 22% เป็น 15,707 ล้านดอลลาร์ โดยปีที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาและขยายธุรกิจต่อเนื่องตามเป้าหมาย และยังได้ปรับปรุงวิถีชีวิตผู้คนรวมถึงสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้งาน
รายได้หลักของกูเกิลยังคงเป็นโฆษณา โดยมีรายได้ส่วนโฆษณาเพิ่มขึ้น 31% ขณะที่ราคาต่อคลิกยังคงลดลงอีก 11% ส่วนธุรกิจโมโตโรลามีรายได้ลดลงเป็น 1,151 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 7% ของรายได้รวมกูเกิล และยังขาดทุนจากการดำเนินงาน 384 ล้านดอลลาร์
สำหรับเนื้อหาจากช่วงแถลงผลประกอบการต่อนักวิเคราะห์โดยมี ซีเอฟโอ Patrick Pichette และซีบีโอ Nikesh Arora เป็นผู้แถลงมีส่วนสำคัญดังนี้ (ซีอีโอ Larry Page ไม่มาร่วมตามที่เคยแจ้งไว้ในไตรมาสที่แล้ว)
- กูเกิลมีเงินสดและรายการเทียบเท่า 58,717 ล้านดอลลาร์
- มีพนักงานเต็มเวลา 47,756 คน โดยเป็นพนักงานโมโตโรลา 3,894 คน
- การซื้อ Nest จะทำให้ทีมงานเข้าถึงข้อมูลกูเกิล และช่วยให้สินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ดีขึ้น
- Larry Page ยังคงติดตามความคืบหน้าโครงการ Google Wallet อยู่
- มองดีลโมโตโรลาว่าเป็นการได้ประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย
- การซื้อ Waze ทำให้กูเกิลพัฒนารูปแบบการโฆษณาแบบใหม่ใน Maps ของท้องถิ่น
- Neilsen เข้ามาร่วมทำระบบวัดผลโฆษณาใน YouTube ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น